รีวิวซีรี่ย์ เรื่อง Riverdale – จากคดีคนหายไปสู่การเมือง
โดยซีรีย์เรื่อง
Riverdale
ไม่ใช่ซีรี่ย์ที่เล่าเรื่อง วัยรุ่น ชีวิตของหนุ่มสาวแบบทั่วไปเพราะ Riverdale
จะมีการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือคดีฆ่าตกรรมที่ลึกลับและต้องร่วมกันหาข้อไขข้องใจโดยเรื่องจะเริ่มจากหายตัวไปของเจสัน
บลอสซัม
ที่ทำให้เกิดเหตุต่างๆตามมามากมายเรื่องราวอันดำมืดรอการพิสูจน์จากกลุ่มเพื่อนรักชาวริเวอร์เดลไฮทั้ง
เบตตี้สาวน้อยอ่อนต่อโลกผู้มีด้านมืดอันซุกซ่อนอยู่, อาร์ชี่ หนุ่มนักกีฬาสุดหล่อผู้เป็นที่หมายปองของสาวๆ
ที่ดันมีสัมพันธ์ลับกับครูสอนดนตรีในเช้าวันเกิดเหตุ,เวโรนิกา
เอาจริงๆข้อนี้ก็ไม่ได้หนีหายไปไหนหรอก
แต่ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะจูนไม่ติดเพราะพอเห็นอาร์ตเวิร์กทั้งโปสเตอร์หรือแม้แต่โปรแกรมแนะนำใน
Netflix เองเป็นรูปนักแสดงหน้าตาดีๆ
ก็พาลไปนึกว่ามันจะซ้ำซากกับซีรีส์หรือหนังวัยรุ่น
แต่เปล่าเลยเพราะแม้องค์ประกอบหลายอย่างจะไม่ได้ใหม่มากแต่สิ่งหนึ่งที่เพิ่มความสนุกได้อย่างไม่น่าเชื่อคืออะไรรู้มั้ยครับ “ความโง่” ของตัวละครไง
ซึ่งอันนี้ต้องยกประโยชน์ให้จำเลยนะครับ เพราะทีมเขียนบทเอาความหุนหันพลันแล่น
ฮอร์โมนที่พุ่งพล่านของวัยรุ่นมาก่อหายนะครั้งแล้วครั้งเล่า
ให้เราได้ลุ้นกันแทบทุกตอน
ซึ่งฝรั่งคงมองว่าใหม่มากแต่คนไทยเราน่าจะคุ้นเคยกับความโง่ของตัวละครมาจากละครหลังข่าวกันดีอยู่แล้ว
คงไม่ติดขัดอะไรหรอกมั้ง
อันนี้ตั้งแต่ชื่อตอนของซีรีส์ 2
ซีซันแรกเลยที่จงใจตั้งชื่อตามหนังดังบ้างเช่น There Will Be Blood หรือย้อนไปไกลอย่าง
Faster, Pussycats! Kill! Kill! ที่จงใจเอาชื่อหนังคัลต์ปี 1965
มาเล่นโน่นเลย
นี่ยังไม่รวมไปถึงการอ้างอิงหนังและเพลงดังๆจากหนังยุคก่อนหน้าทั้งเพลง Bitter
Sweet Symphony จากหนัง Cruel Intentions(1999)
หรือเพลง Mad World เพลงประกอบหนังคัลต์อย่าง Donnie Darko
(2001) ซึ่งเรียกง่ายๆเลยว่าถึงตัวละครในเรื่องจะอายุ 16,17
แต่จริตการฟังเพลงและดูหนังนี่คนอายุใกล้ 30 มากเลยครับ
จนผู้ชมอย่างเราๆที่ห่างวัยรุ่นมานานประมาณนึงแล้วก็น่าจะเอนจอยกับเพลงและหนังที่อ้างอิงได้ไม่ยาก
การเปลี่ยนผ่านจากหนังวัยรุ่นนักสืบมาสู่หนังวิพากษ์การเมืองเริ่มมาเข้มข้นในซีซัน2
นี่แหละครับเมื่อหนังเริ่มให้เราได้รู้จักตื้นลึกหนาบางของตัวละครพ่อแม่ของทั้ง
เบตตี้ เวโรนิกา อาร์ชี่ และจั๊กเฮด โดยมีการเมืองเรื่องแดนเหนือ
อันเป็นที่อยู่ของอภิสิทธิชน และแดนใต้ แหล่งเสื่อมโทรมที่มีบรรดาแก๊ง
อันธพาลและยาเสพย์ติดจนทางการคิดจะกวาดล้างแบบถอนรากถอนโคน
แต่ภายใต้การสู้รบอย่างดุเดือดกลับมีผลประโยชน์แอบแฝงของคนบางกลุ่ม
จนจากที่เราแค่เอาใจช่วยบรรดาตัวละครวัยรุ่นหนุ่มสาวหน้าตาดีให้รอดพ้นเงื้อมมือฆาตกรหรือภัยมืดต่างๆนานาแล้วก็ยังต้องมาลุ้นกับชะตากรรมริเวอร์เดลอีก
ยิ่งตอนท้ายๆของซีซัน 2
มีการเลือกตั้งแล้วประชาชนดันเลือกนอมินีของผู้มีอิทธิพลมาเป็นนายกเทศมนตรีก็อดจะนึกถึงสถานการณ์การเมืองของสหรัฐไม่ได้จริงๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น