รีวิวซีรีส์ เรื่อง Stranger Things - ทำหนังออกมาละเอียดจริงๆ

 


ฮอว์กินส์ ที่แต่ก่อนดูเงียบเหงาและไร้สีสันแต่พอเวลาผ่านไปความเจริญก็เพิ่มากขึ้นและหนึ่งในนั้นก็คือการมาตั้งของห้างสตาร์คอร์ต ที่ทำให้ผู้คนกลับมามีชีวิตชีวาได้ออกมาพักผ่อนและรวมถึงเป็นแหล่งรวมตัวของพวกวัยรุ่น แต่แล้วก็เกิดเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้นซึ่งทำให้ เมืองฮอว์กินส์ นั่นก็คือมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นนั้นก็คือ สัตว์ประหลาดต่างมิติ ที่พวกวัยรุ่นวัยว้าวุ่นต้องสืบ



ขอกล่าวถึงความสัมพันธ์ การก้าวข้ามวัยของเหล่าตัวละครในเรื่องก่อนนะครับ ประเด็นที่น่าสนใจมากในซีซันนี้คือการพูดถึงความสัมพันธ์แบบวัยรุ่น ที่ถือว่าโตขึ้นมากจาก 2 ซีซันก่อน ชัดเจนที่สุดคือ ความสัมพันธ์แบบคนรักที่ทั้งไมค์และแอล กำลังจะได้เรียนรู้มันพร้อมๆกัน โดยฝ่ายแรก็เพิ่งก้าวข้ามวัยเด็กมาไม่ทันไร ส่วนฝ่ายหลังก็กำลังเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ไปพร้อมๆกับประสบการณ์แปลกใหม่ในวัยสาว ซึ่งเรื่องราวส่วนนี้ใครเคยลุ้นให้คู่ไมค์-แอล ได้ลงเอยกันก็น่าจะมีหลายฉากให้ได้ฟินไม่น้อยแถมปมปัญหาที่มาพิสูจน์ความสัมพันธ์ทั้งคู่ก็หนักหนาเอาการ โดยเฉพาะในสายตาผู้ใหญ่อย่างนายอำเภอฮอปเปอร์ที่ไม่สบายใจเวลาเห็น ไมค์กับแอล 



ใกล้ชิดกันเกินเพื่อนโดยเฉพาะการแอบจูบกันในห้อง ซึ่งตรงนี้บทเขียนได้ดีมากและทำให้เห็นว่าทางออกที่ฮอปเปอร์เลือกขมขู่ไมค์ไม่ให้ทำอะไรเกินเลยกับแอลได้ส่งผลสำคัญต่อเนื้อเรื่องอย่างสมเหตุสมผลทั้งในเชิงดราม่าและปมพลิกผันของเรื่องราว แถมมันยังทำให้เราได้เห็นแง่มุมการเติบโตของแอลได้อย่างชัดเจนซึ่งซีรีส์ก็นำเสนอได้อย่างมีสีสันโดยเฉพาะตอน แอล กับ แมกซ์ ใช้เวลาเรียนรู้ชีวิตภาษาเพื่อนสาว โดยหนึ่งในนั้นคือการนำเพลง Material Girl ของ มาดอนนา มาประกอบฉากเลือกซื้อเสื้อผ้าซึ่งถือเป็นฉากที่ไม่ได้มีแอ็คชั่นวินาศสันตะโรแต่กลับสร้างรอยยิ้มให้คนดูได้กว้างที่สุดตอนหนึ่งเพราะเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็น แอล เป็นเด็กสาวที่กล้าลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองอย่างแท้จริง



โดยในภาพรวมแล้วซีรีส์ในซีซันนี้ดูจะไปโฟกัสที่เรื่องราวรักๆใคร่ๆเสียเป็นส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นความพยายามในการติดต่อกับซูซี่เพื่อนร่วมค่ายคนสวยของดัสตินที่บอกใครไปก็ไม่เชื่อ  หรือจะเป็นคู่ของ โจ กับ แนนซี่ (พี่ชายวิล และ พี่สาวของไมค์) ที่ต้องไฟต์เพื่อเอาข่าวสัตว์ประหลาดกินสารเคมีในฮอว์กินส์ลงหนังสือพิมพ์ ฮอว์กินส์โพสต์ ที่ตัวเองฝึกงานแม้ว่าเหล่าผู้บริหารจะมองพวกเขาเป็นแค่เด็กฝึกงาน หรือกระทั่งรุ่นใหญ่อย่างนายอำเภอฮอปเปอร์ที่เริ่มมีใจให้กับ จอยซ์ (แม่ของวิล) แม้ไม่อาจเปลี่ยนใจเธอที่ยังลืมรักครั้งเก่าไม่ได้ รวมถึงการกล่าวถึงแม้ไม่ได้เอ่ยตรงๆ แต่ในซีรีส์เรากลับรู้สึกถึงมวลบางอย่างระหว่าง วิล และ ไมค์ ที่ฝ่ายแรกรู้สึกถูกทอดทิ้งทุกครั้งที่ไมค์ต้องการขลุกอยู่กับแอลทั้งวันที่สามารถโยงเข้ากับทฤษฎีทางจิตวิทยาที่เด็กในช่วงก้าวสู่วัยรุ่นจะมีความรู้สึกปรารถนาในความสัมพันธฺ์กับเพื่อนในเพศเดียวกัน ซึ่งถือว่าผู้สร้างศึกษาข้อมูลเป็นอย่างดีนับว่าทำงานละเอียดดีเลย หรือการเปิดเผยความลับของตัวละครบางตัวก็ทำให้เห็นว่า Stranger Things ยังมีพื้นที่ให้ตัวละคร LGBTQ เหมือนที่เคยให้กับ บาร์บ เพื่อนสาวที่หลงไหลแนนซีในซีซันแรก

 


อีกจุดเด่นของ Stranger Things คือการอ้างอิงหนังหรือวัฒนธรรมพอปในยุค 80 ซี่งการมีห้างสตาร์คอร์ดก็ช่วยให้เห็นภาพของยุคสมัยได้ชัดขึ้นไม่ว่าจะเป็นหนังอย่าง Day of the living dead หรือ Back to the future ที่ช่วยเสริมภาพความเป็นไซไฟ แฟนตาซี สยองขวัญ หรือตัวละครใหม่อย่างนักฆ่ารัสเซียก็ทำให้นึกถึง อาร์โนลด์ ชวาร์ซเซเนกเกอร์ ใน Terminator ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ในส่วนอื่นๆที่ได้รับการปูมาตั้งแต่ซีซันแรกๆอย่างสัตว์ประหลาดที่คล้าย The Things ฉบับของจอห์น คาร์เพนเตอร์ ผสม Alien ของริดลีย์ สก็อต ก็ยังคล้ายๆเดิมไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมนัก ซึ่งแม้หนังจะไม่ได้เล่นกับภาพจำดักแก่ของยุค 80 หนักข้อเหมือน 2 ซีซันที่ผ่านมาแต่ความสนุกของเรื่องราวที่เข้มข้น ฉากแอ็คชั่นและสยองขวัญ รวมถึงความตื่นเต้นที่เพิ่มขึ้นทวีคูณต่างหากล่ะที่เรามองว่า มันสมค่าการรอคอยหนังหรือซีรีส์ที่สนุกๆมากเปี่ยมไอเดียแบบหนังยุค80ได้ดีเลยล่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รีวิว You Are My Spring (คุณคือฤดูใบไม้ผลิของฉัน)

รีวิว The Uncanny Counter (เคาน์เตอร์ คนล่าปีศาจ)

รีวิวซีรีย์ The King Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์ อมตะ โลกคู่ขนานผสมท่องเวลา