รีวิวซีรี่ย์เรื่อง The King Eternal Monarch - จอมราชัน บัลลังก์อมตะ
แรกๆที่ได้ยินพล็อตเรื่องของซีรีย์เรื่องนี้แรกนะบอกเลยว่า
รู้อลังการกับบทและภาพคือพิที่จะจินตการออกอยู่บ้างว่ามันจะต้องภาพคล้ายเทพนิยายแน่นอนตั้งแต่ทีเซอร์ตัวแรกที่ปล่อยออกมา อีมินโฮ ที่ถือว่าเป็นสามีแห่งชาติหลักจากที่หายไป
3 ปี เพื่อไปรับใช้ชาตินั้นนี้ก็ถือว่าเป็นการรอค่อยอีกหนึ่งอย่างของแฟนเลยทีเดียว
ความคาดหวังเอาไว้ในใจคนดูในทันที ว่ามันจะต้องกลายเป็นอีกหนึ่งซีรีส์แห่งปี
ซีรีส์แนวโรแมนติก-แฟนตาซี
เล่าเรื่องราวของจักรพรรดิ ‘อีกน’ (แสดงโดย อีมินโฮ)
กษัติย์หนุ่มแห่งจักรวรรดิเกาหลีที่พยายามจะปิดประตูโลกคู่ขนาน
ที่ครั้งหนึ่งถูกเปิดขึ้นออกโดย ‘อีริม’ (แสดงโดยโดย อีจองจิน) อาชญากรร้ายผู้มีศักดิ์เป็นลุงแท้
ๆ ที่พยายามตั้งตนเป็นกบฏเพื่อโค่นล้มอำนาจเก่า
และหมายจะฆ่าเขาให้ตายตั้งแต่ยังเด็ก
และแม้ว่าปีศาจร้ายตนนี้จะสามารถหลบหนีการตามล่าของเหล่าทหารองค์รักษ์ไปสู่อีกโลกคู่ขนานได้สำเร็จ
แต่ทางด้านสายสืบสาวในโลกปัจจุบันอย่าง ‘จองแทอึล’ (แสดงโดย คิมโกอึน)
ที่ได้รับรู้ถึงความจริงของเรื่องโลกขนานและภัยร้ายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้โลกของเธอมากขึ้นทุกที
เธอจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคนที่เธอรักไว้ให้ได้ ด้วยการร่วมมือกับ อีกน
นั่นเอง
มันก็จริงที่ ‘The King Eternal Monarch
จอมราชัน บัลลังก์อมตะ’ อาจไม่ใช่ซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่พยายามจะดึง
‘ทฤษฎีโลกคู่ขนาน’ มาใช้เป็นแกนหลักในการดำเนินเนื้อเรื่อง เพราะไม่ว่าจะเป็น Signal
, Time Slip Dr. Jin , W two worlds ฯลฯ
ต่างก็เป็นซีรีส์เกาหลีชั้นเยี่ยมที่เล่าเรื่องราวในโลกคู่ขนานให้ออกมาลึกซึ้งและสนุกสนาน
จนสร้างความประทับใจให้คนดูได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ในขณะเดียวกันก็คงไม่มีซีรีส์เรื่องไหนที่กล้าบ้าบิ่นมากพอจะรื้อประวัติศาสตร์ที่มีอยู่จริงของชาติตัวเองกลับไปจนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญบางอย่างในอดีต
แล้วล้างไพ่ทั้งหมดที่มีเพื่อสร้างโลกอีกใบขึ้นมาใหม่ โลกที่ไม่เคยมีอยู่จริง
โลกที่ไม่มีตัวอย่างใดให้เห็น โลกที่จักรวรรดิเกาหลี (the Kingdom of
Corea) ยังไม่สิ้นการปกครองภายใต้ระบอบกษัตริย์แบบทุกวันนี้
และยังคงดำรงการปกครองโดยราชวงศ์มาได้จนถึงปัจจุบัน
เราจึงจะได้เห็นอารยธรรมใหม่ บรรยากาศใหม่ของจักรวรรดิเกาหลี
ที่ยังคงกลิ่นอายเดิมที่เราคุ้นเคยไว้ได้อย่างดี แต่ก็มีรสชาติใหม่ ๆ ผสมเข้ามา
ทั้งราชวังที่สวยงามตระการตาแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหน
รถรางใจกลางเมืองหลวงพร้อมสภาพเมืองที่เปลี่ยนไป หรือแม้กระทั่งพระราชพิธีต่าง ๆ
ก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้อย่างงดงามและสมจริงจนน่าขนลุก
และเมื่อพูดถึงเรื่องราวของโลกคู่ขนานแล้ว
แน่นอนว่าอีกหนึ่งความน่าสนใจของเรื่องนี้ก็ต้องตกไปอยุ่ที่ปม ‘ตัวละคร’ ต่าง ๆ
ที่หากว่า ตัวเราในโลกหนึ่งเป็นคนแบบนี้
แต่ตัวเราอีกคนในอีกโลกหนึ่งก็จะกลับเป็นคนละขั้วกันเลยทีเดียว เช่น นิสัยใจคอ
พื้นฐานตระกูลและครอบครัว
รวมไปถึงชนชั้นทางสังคมที่ต่างเป็นคู่ตรงข้ามของกันและกันเหมือนกับ ‘หยินหยาง’
ทำให้สามารถสอดแทรกประเด็นสังคมสุดฮอตอย่างเรื่อง ‘ความเหลื่อมล้ำในสังคม’
ในเนื้อเรื่องได้อย่างแนบเนียนและน่าสนใจ ส่งผลให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูมีคุณค่า และดูคุ้มค่าต่อการรับชมมากเลยทีเดียว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น