รีวิวซีรีย์ เรื่อง Move to Heaven – เบื้องหลังข้าวของคนตาย
ซีรีย์เรื่องนี้คือซีรีย์ที่ดูแล้วอบอุ่นในหัวใจมากเล่าเรื่องราวของ
‘ฮันกือรู’ (ทังจุนซัง) หนุ่มน้อยอายุ 20 ปี ที่มีอาการ ‘แอสเพอร์เกอร์ ซินโดรม’ (Asperger
syndrome) ซึ่งเป็นอาการของผู้ที่มีความบกพร่องทางการแสดงออกและเข้าใจความรู้สึก
อยู่ในกลุ่มสเปกตรัมเดียวกันกับ ‘ออทิสติก’ (Autism Spectrum Disorder) ก็นึกภาพไปถึง
‘มุนซังแท’ ใน ‘It’s Okay to Not Be Okay’ ได้เลยค่ะคล้าย ๆ กัน แต่เรื่องนี้
ฮันกือรู นิ่งและมีสติมีเหตุผลกว่า มุนซังแท มากนัก เพราะเป็นกลุ่มอาการที่ต่างกัน
และปมชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฮันกือรู ทำงานให้กับธุรกิจของพ่อคือบริษัท ‘Move
to Heaven’ เป็นบริษัทที่รับจ้างเก็บกวาดสถานที่ของผู้เสียชีวิต
บริษัทอื่น ๆ ที่ทำงานในลักษณะเดียวกัน อาจแค่เก็บ ทำความสะอาด
และทิ้งข้าวของเหล่านั้นไป แต่ ‘Move to Heaven’ แตกต่างออกไป
พวกเขาไม่เพียงทำความสะอาดสถานที่
แต่พวกเขายังเก็บความทรงจำที่ผู้เสียชีวิตทิ้งเอาไว้ใส่ในกล่องแห่งความทรงจำ
เพื่อส่งต่อไปให้ญาติหรือใครสักคนที่สมควรได้รับมันแต่แล้ววันหนึ่งพ่อของ ‘กือรู’
เสียชีวิตกะทันหัน ความเปลี่ยนแปลงใหม่เริ่มเข้ามา
เมื่อเขาต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้ร่วมกับ ‘โจซังกู’ (อีแจฮุน) อาแท้ ๆ ที่เพิ่งออกจากคุก
และได้รับมอบหมายจากพ่อของเขาให้มาเป็นผู้อภิบาล
จะบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้คือภาพสะท้อนของความโดดเดี่ยว
ก็ใช่ หรือจะบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้คือตัวแทนความอบอุ่นที่หาได้เพียงแค่เปิดใจมอง
ก็ใช่อีก คนเขียนบทนี่ยังไงนะ ถึงสามารถสานต่อเรื่องราวออกมาได้พอเหมาะพอเจาะ
และควบรวมสองอารมณ์เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน กือรู ยืนอยู่บนฐานะของเด็กพิเศษ
ที่ไม่เพียงแต่มีความสามารถในการจดจำสิ่งที่เขาสนใจเท่านั้น
แต่มีความสามารถในการจดจำสิ่งต่าง ๆ ที่ได้พบ
ได้เห็นและได้ยินอย่างแม่ยำและไม่ลืมเลือน ประหนึ่งเครื่องบันทึกความทรงจำกันเลย
ซีรีส์เปิดเรื่องมาด้วยการบาดเจ็บ
ล้มตายสลับกับการแนะนำตัว กือรู และการบริการของ ‘Move to Heaven’ โดยใช้ความสัมพันธ์พ่อลูก
ความรักความเอาใจใส่ต่อเพื่อนมนุษย์เป็นตัวขับเคลื่อน โดยใช้เวลาเพียง Ep เดียวสาดใส่ความรักความอบอุ่นของพ่อที่มีต่อลูก
และสิ่งที่พ่อกล่อมเกลาจนเราต้องเสียน้ำตา
ประสานไปกับชีวิตของผู้เสียชีวิตอื่นในเรื่อง ที่จะเป็นหัวเชื้อของแต่ละตอน
จนทำให้เราจุกแน่นในอกและต้องหลั่งน้ำตาออกมาซ้ำสอง ไม่นะ!!
เล่นกับความรู้สึกกันตั้งแต่ต้นเลยเหรอ แต่เขาก็ทำกับเราแบบนั้นไปแล้วค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น