รีวิว The Silent Sea ทะเลสงัด (2021) ความลับบนดวงจันทร์ แนวไซไฟระทึกขวัญ 8 ตอนจบ

The Silent Sea ทะเลสงัด  แนวไซไฟระทึกขวัญ 8 ตอนจบ ที่นำแสดงโดยดาราดัง “กงยูกับแบดูนา” เรื่องราวของภารกิจเสี่ยงตายที่จะเผยความลับอันดำมืดที่สุดของดวงจันทร์ ที่มีส่วนผสมของหลายแนวรวมกัน โดยยังไม่ทิ้งกลิ่นอายดราม่าของเกาหลีไว้ด้วย เป็นครั้งแรกที่ซีรีย์เกาหลีมาแนวไซไฟในอวกาศ ซึ่งงานสร้างครั้งเกิดขึ้นได้อาจจะไม่ใช่เพราะเรื่องทุนสร้างโดยตรง แต่ติดที่แนวการเดินเรื่องแบบไม่ได้เน้นลงละครทีวีดราม่าเรื่องรักๆ ตามสูตรไม่เปิดโอกาสให้เกาหลีทำอะไรแบบนี้ลงไปได้ ตัวอย่างก่อนนี้ก็จาก Squid Game ที่ผู้กำกับก็บอกเองว่าคิดบทมา 10 ปีไปนำเสนอแต่ไม่ผ่านเพราะรุนแรงเกินไป ซึ่งการได้เน็ตฟลิกซ์มาเป็นที่ฉายพร้อมทั้งเป็นแหล่งเงินทุนซัพพอร์ทก็ทำให้วงการซีรีย์เกาหลีก้าวกระโดดครั้งใหญ่กลายมาเป็นซีรีย์ที่สามารถโกอินเตอร์ได้ในทันที


เรื่องราวเริ่มจากโลกกลายเป็นดาวที่เริ่มขาดน้ำจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ซงจีอา (เล่นโดย แบดูนา) นักชีววิทยาได้รับการติดต่อให้มาร่วมทีมไป “บัลแฮ” สถานีวิจัยบนอวกาศบนดวงจันทร์ที่เกิดอุบัติเหตุทำให้คนในสถานีวิจัยเสียชีวิตหมด และถูกปิดทิ้งร้างมากกว่า 5 ปี โดยมีทหารอวกาศฮันยุนแจ (เล่นโดยกงยู) เป็นหัวหน้าปฏิบัติการณ์นี้ แต่ปัญหาคือภารกิจนี้กลับไม่มีข้อมูลเชิงลึกให้ทุกคนรู้เลย มีแต่คำสั่งให้นำตัวอย่างทดลองที่เหลืออยู่กลับมาภายใน 24 ชั่วโมงให้ได้เท่านั้น ก่อนที่ทุกคนจะพบว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในที่แห่งนี้ ซึ่งนำมาซึ่งความตายของลูกเรือแบบปริศนา




โดยรวมสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าติดตามกว่าก็คือการใส่ปมปริศนาควบคู่ไปพร้อมกันทันทีกับการที่มีลูกเรือตายแบบจะๆ คาตานางเอกที่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์คนเดียว ในลักษณะเหลือเชื่อ โดยที่เรื่องทำให้เห็นทุกอย่างแบบแวบๆ บางส่วนเหมือนหนังผี+เอเลี่ยน ซึ่งทำให้ผู้ชมต้องสงสัยมาทันทีว่าเรื่องนี้เป็นแนวไซไฟทริลเลอร์ระทึกๆ กับการทดลองวิทยาศาสตร์ หรือเป็นเรื่องแนวเอเลี่ยน มนุษย์ต่างดาว สัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่กันแน่ ซึ่งเป็นความคลุมเครือที่เรื่องนำมาใช้หลอกล่อให้ผู้ชมติดตามได้อย่างอยู่หมัด และผู้ชมก็จะได้รับความรู้สึกหลายๆ แนวเรื่องทำนองนี้รวมกัน โดยที่มีส่วนของดราม่าสะเทือนใจตามประสาเกาหลีเจือปนอยู่ด้วย The Silent Sea ใช้ปริศนาสิ่งลึกลับทั้ง 2 อย่างในการเดินเรื่องไม่พอ ยังใส่ปมที่ 3 ไว้ในเรื่องอีก โดยมีการเอ่ยถึงกลุ่มลึกลับที่ใช้ความรุนแรงก่ออาชญากรรมในอวกาศมาในตอนแรก ก่อนที่จะค่อยๆ เผยตัวออกมา และก็กลายเป็นเส้นเรื่องหลักในช่วงหลังของเรื่องไปจนจบที่ออกแนวสายลับ การหักหลัง การทรยศ




สรุปแม้องค์ประกอบทุกอย่างของเรื่องจะใส่มาลงตัวได้ดีหมด แต่ตัวเรื่องก็มีปัญหาแบบที่เห็นได้ชัดจนขัดตาก็คือ ความไม่สมเหตุผลในหลายๆ ฉากกับการกระทำของตัวละคร โดยเป็นแนวสูตรสำเร็จหนังสยองขวัญที่เหมือนไฟต์บังคับให้ต้องเป็นไปแบบนี้


👉👉 นอกจากนี้ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รีวิวหนังสารคดี ได้ที่นี่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รีวิว You Are My Spring (คุณคือฤดูใบไม้ผลิของฉัน)

รีวิว The Uncanny Counter (เคาน์เตอร์ คนล่าปีศาจ)

รีวิวซีรีย์ The King Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์ อมตะ โลกคู่ขนานผสมท่องเวลา